วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมปริศนาของกราฟหุ้นในการวิเคราะห์หุ้น ภาค 2

 

เก้าปัญหาโลกแตกของ อีเลีต ที่คนจำนวนมากเข้าใจผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 2 )

 

ถ้าเกิดต้องการศึกษาบทความตอน 1 ติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปศึกษาเรียนรู้บทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)หมายถึงความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าเพิ่งอธิบายไปว่าจะต้องให้ความเอาใจใส่กับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่น คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพครับผมลองพินิจดูดีๆถึงแม้ว่ามี Key Word เริ่มต้นด้วยคำว่า “การนับ” แต่ว่าอย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบคุณ บางทีก็อาจจะนับคลื่นไม่เสมือนในแบบของคนอื่นๆก็ได้ ด้วยเหตุนี้จะนับคลื่นเช่นไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางด้านทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงในการนับคลื่น เอลเลียต เช่น จะนับคลื่น 2 ได้ไหมนั้นพวกเราก็จำเป็นต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับพฤติกรรมได้เข้าข้อจำกัดตามทฤษฎีแล้วหรือยัง เป็นต้น

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากIndicatorช่วยนับคลื่น อีเลีต  ดังเช่น จากแนวทางการนับคลื่น Elliott Wave ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า และ Hidden Divergence จากIndicatorตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น Elliott Wave เนื่องมาจากสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น ไดเวอร์เจนซ์ หรือ ไดเวอร์เจ้นซ์แฟง นั้น สามารถเปรียบหรือพินิจพิจารณาผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติเงื่อนไขสำหรับการวิเคราะห์ที่อ้างอิงกับทฤษฎี อาทิเช่น สมมุติพวกเรานับสถานะคลื่น Elliott Wave ได้ 1 แบบ เราจึงควรพินิจพิจารณาให้ได้ว่ากล่าว รูปแบบดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถพินิจพิจารณาแยกย่อยเพิ่มได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงแนวความคิดข้อไหน, แล้วก็เพราะเหตุใด แล้วก็ผลสรุปที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนที่ไปยังทิศทางไหนได้บ้าง ฯลฯ

 

ถ้าคุณใช้ส่วนประกอบเทคนิค 3 ข้อสำหรับในการนับคลื่นดังที่กล่าวผ่านมาแล้วที่ผมแนะนำ ผลที่เกิดจากการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพแล้วก็ส่งผลให้การนับคลื่น อีเลีต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. จริงหรือ! ไดเวอร์เจนซ์ คือ คลื่น อีเลีต คลื่นที่ 5

โดยมากแล้วคลื่นที่ 5 มักเกิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แต่ใช่ว่าเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วควรจะเป็นคลื่น 5 เสมออย่ารู้ผิดครับ

 เนื่องจากว่ารูปแบบ Correction Wave ที่ทำ New High อย่างกลุ่มของ Strong B ในต้นแบบ Flat ต่างก็เกิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น เอเลียต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณIndicatorเพื่อช่วยในกาวิเคราะห์สถานะคลื่นเป็นเพียงแต่เทคนิคมุมมองที่นำมาปรับใช้สำหรับเพื่อการนับคลื่นให้ง่าย รวมทั้งรวดเร็วขึ้นเพียงแค่นั้น แต่ว่าไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอ พวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้กฎแล้วก็อัตราส่วนตามแนวคิดในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำเป็นจะต้องเริ่มนับ 12345

หลายคราเราชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 แบบงี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดบางทีอาจไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มนับแบบงี้ก็ได้ แม้องค์ประกอบของแผนภูมิหุ้นไม่ถูกกฎของ Impulse Wave พวกเราจึงควรแปลงการนับคลื่น เอเลีต ในลักษณะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แปลงมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. ระดับ Fibonacci มิได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นเป็นเป้าหมาย

Level Fibonacciต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น อีเลีต เพื่อวิเคราะห์ว่าสัดส่วนการพักตัวหรือรูปทรงแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามทฤษฎีมากแค่ไหน เพื่อจะพินิจพิจารณาหาหนทางความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังแนวทางใดได้บ้าง แต่ว่ามิได้มีไว้เพื่อราคามาทดสอบสัมผัส Level ฟีโบต่างๆรวมทั้ง “มั่ว” ว่านั่นคือTP

 

  1. เอเลียต นับยังไงก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงครับ ทฤษฎีคลื่น เอเลีต มีกฎข้อปฏิบัติอัตราส่วนที่กำหนดเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกรรมวิธีพินิจพิจารณาที่เด่นชัด ด้วยเหตุนี้การนับคลื่นของแต่ละบุคคลกับสินค้าประเภทเดียวกัน ควรมีผลสรุปรูปแบบองค์ประกอบการนับคลื่นที่คล้ายกัน แม้กระนั้นสิ่งที่จะแตกต่างกันคือมุมมองของข้อสมมติฐานข้อตกลงในกรณีอื่นๆเพิ่มเติมอีก ที่จำเป็นต้องพินิจพิจารณาสมมติฐานการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวคิดให้หลากหลายแบบอย่างมากยิ่งขึ้น จุดนี้ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแบ่งย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มเติมได้มากน้อยแค่ไหน

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะศึกษา วิเคราะห์แบบง่ายๆได้กำไร ก็พอเพียง!

ถูกนะครับจุดหมายของการเทรดเป็น ผลกำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้ตังค์ ไม่ผิดครับ แต่เทรดแล้วทราบเหตุและก็ผลของการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะการเทรดอย่างมีเหตุรวมทั้งผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำอีกครั้งได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่เหมือนกับการเทรดแบบง่ายๆด้วยวิธีการวัดดวง…ทรัพย์สินเป็นของหายากจะนำมาพนันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆอย่างนี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

Elliott Wave เป็นแนวคิดที่ยากไม่มีผู้ใดที่อยากจะเสียเวล่ำเวลาทำความเข้าใจหรอก แม้กระนั้นด้วยปัญหาด้านการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่สามารถตอบโจทย์ ให้เหตุรวมทั้งผลที่พอเพียงต่อการวิเคราะห์ก็เลยเป็นสาเหตุทีทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาเรียนรู้ทฤษฎี เอเลียต อย่างจริงจัง

 

ฝากติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น ทำความเข้าใจได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 



เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมคำถามของกราฟหุ้นในการวิเคราะห์หุ้น ตอน 2

 

9ปริศนาโลกแตกของ Elliott Wave ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 2 )

 

หากอยากศึกษาบทความตอน 1 ติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปศึกษาเรียนรู้บทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)เป็นความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าพึ่งจะอธิบายไปว่าจำต้องให้ความใส่ใจกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่น คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพครับลองพิเคราะห์ดูดีๆหากแม้มี Key Word เริ่มด้วยคำว่า “การนับ” แต่อย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบท่าน บางทีอาจจะนับคลื่นไม่เหมือนในแบบของคนอื่นๆก็ได้ ดังนั้นจะนับคลื่นยังไง ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางด้านทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงในการนับคลื่น Elliott Wave ได้แก่ จะนับคลื่น 2 ได้ไหมนั้นพวกเราก็จำต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับพฤติกรรมได้เข้าข้อจำกัดตามทฤษฎีแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากอินดิเคเตอร์ช่วยนับคลื่น เอลเลียต  ดังเช่น จากแนวทางการนับคลื่น อีเลียต ของผมจะใช้สัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า แล้วก็ Divergence แฝง จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น อีเลีต เหตุเพราะสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น ไดเวอร์เจนซ์ หรือ ฮิดเด้น Divregencr นั้น สามารถเทียบหรือวิเคราะห์ผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างสมมติฐานข้อแม้สำหรับการวิเคราะห์ที่อ้างอิงกับทฤษฎี อาทิเช่น สมมุติเรานับสถานะคลื่น เอเลียต ได้ 1 แบบ เราจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ให้ได้ต่อว่า แบบดังที่กล่าวมาแล้วสามารถวิเคราะห์แยกย่อยเพิ่มเติมอีกได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนยืนยัน, อิงแนวคิดข้อไหน, และเพราะเหตุใด แล้วก็ผลสรุปที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนที่ไปยังแนวทางไหนได้บ้าง ฯลฯ

 

หากคุณใช้ส่วนประกอบเทคนิค 3 ข้อในการนับคลื่นดังที่กล่าวมาแล้วที่ผมชี้แนะ ผลที่ได้รับจากการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงจำนวนมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพแล้วก็ส่งผลให้การนับคลื่น อีเลีต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. ใช่หรือ! Divergenceหมายถึงคลื่น เอเลียต คลื่นที่ 5

จำนวนมากแล้วคลื่นที่ 5 มักเกิดสัญญาณ Divergence แต่ใช่ว่ากำเนิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วต้องเป็นคลื่น 5 เสมออย่ารู้ผิดครับ

 เพราะเหตุว่าต้นแบบ คลื่นปรับ ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในรูปแบบ Flat ต่างก็กำเนิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นด้วยกันทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น อีเลียต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณIndicatorเพื่อช่วยในกาพิจารณาสถานะคลื่นเป็นเพียงแต่แนวทางมุมมองที่นำมาปรับใช้ในการนับคลื่นให้ง่าย แล้วก็เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ว่าไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอไป เราควรต้องใช้กฎรวมทั้งอัตราส่วนตามทฤษฎีสำหรับในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำเป็นจะต้องเริ่มนับ 12345

หลายคราเราคุ้นชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 อย่างงี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดบางทีอาจไม่จำเป็นต้องเริ่มนับแบบงี้ก็ได้ ถ้าหากส่วนประกอบของกราฟหุ้นผิดกฎของ Impulse Wave เราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงการนับคลื่น Elliott Wave ในลักษณะดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว เปลี่ยนแปลงมาเป็น คลื่นปรับ แทน    

 

  1. อัตราส่วน ฟิโบนันชี มิได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มโน” ว่านั่นคือจุดหมาย

Level Fiboต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น อีเลีต เพื่อพินิจพิจารณาว่ารูปทรงการพักตัวหรือสัดส่วนแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามทฤษฎีเท่าไร เพื่อจะวิเคราะห์หาวิถีทางความน่าจะเป็นของคำตอบที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังแนวทางใดได้บ้าง แต่ว่าไม่ได้มีไว้เพื่อให้ราคามาทดสอบสัมผัส Level ฟีโบต่างๆรวมทั้ง “มโน” ว่านั่นเป็นเป้าหมาย

 

  1. Elliott Wave นับอย่างไรก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงครับผม ทฤษฎีคลื่น เอเลีต มีหลักเกณฑ์อัตราส่วนที่กำหนดเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบขั้นตอนการวิเคราะห์ที่แจ่มแจ้ง โดยเหตุนั้นการนับคลื่นของแต่ละคนกับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ต้องมีผลลัพธ์แบบอย่างโครงสร้างการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แต่ว่าสิ่งที่จะแตกต่างกันคือมุมมองของข้อสมมติฐานเงื่อนไขในกรณีอื่นๆเพิ่มเติม ที่ต้องวิเคราะห์สมมติฐานการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวความคิดให้นานัปการต้นแบบเพิ่มมากขึ้น จุดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแยกย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มเติมได้มากน้อยเพียงใด

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะศึกษา วิเคราะห์แบบง่ายๆได้กำไร ก็พอ!

ถูกต้องครับจุดหมายของการเทรดคือ ผลกำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้กำไร ไม่ผิดครับ แต่เทรดแล้วทราบเหตุแล้วก็ผลการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า ด้วยเหตุว่าการเทรดอย่างมีเหตุแล้วก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำอีกครั้งได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…เงินทองเป็นของหายากจะเอามาพนันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆอย่างนี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

เอเลีต เป็นแนวความคิดที่ยากไม่มีใครที่อยากจะเสียเวล่ำเวลาศึกษาหรอก แต่ว่าด้วยปัญหาเกี่ยวกับการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่สามารถที่จะตอบปัญหา ให้เหตุแล้วก็ผลที่พอเพียงต่อการวิเคราะห์จึงเป็นต้นเหตุทีทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาศึกษาเล่าเรียนแนวความคิด เอเลียต อย่างเอาจริงเอาจัง

 

ฝากติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น เรียนรู้ได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เรียน Elliott Wave

เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมปัญหาของเทคนิคอลกราฟในการพินิจพิจารณาหุ้น ภาค 2

 

9คำถามโลกแตกของ อีเลียต ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ แย้งกันไม่รู้จบ ตอน 2 )

 

หากอยากเรียนรู้บทความตอน 1 ติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปทำความเข้าใจกับบทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)เป็นความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าเพิ่งจะอธิบายไปว่าจะต้องให้ความสำคัญกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่นเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพนะครับลองใคร่ครวญดูดีๆแม้มี Key Word เริ่มต้นด้วยคำว่า “การนับ” แต่ว่าอย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบคุณ บางทีอาจจะนับคลื่นไม่เหมือนในแบบของคนอื่นก็ได้ ด้วยเหตุดังกล่าวจะนับคลื่นยังไง ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางด้านทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงสำหรับการนับคลื่น Elliott Wave ดังเช่นว่า จะนับคลื่น 2 ได้หรือเปล่านั้นเราก็จะต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับพฤติกรรมได้เข้าเงื่อนไขตามแนวคิดแล้วหรือยัง เป็นต้น

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากIndicatorช่วยนับคลื่น Elliott Wave  ยกตัวอย่างเช่น จากแนวทางการนับคลื่น เอเลียต ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า รวมทั้ง Divergence แฝง จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น อีเลีต เหตุเพราะสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Divergence หรือ ไดเวอร์เจ้นซ์แฟง นั้น สามารถเทียบหรือพินิจพิจารณาผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติเงื่อนไขในการพินิจพิจารณาที่อ้างอิงกับทฤษฎี ได้แก่ สมมุติเรานับสถานะคลื่น เอเลียต ได้ 1 เคส เราจึงควรพินิจพิจารณาให้ได้ต่อว่าต่อขาน รูปแบบดังที่กล่าวถึงแล้วสามารถพินิจพิจารณาแบ่งย่อยเพิ่มเติมอีกได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนยืนยัน, อิงแนวความคิดข้อไหน, แล้วก็เพราะอะไร และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถวิ่งขึ้นไปยังแนวทางไหนได้บ้าง เป็นต้น

 

ถ้าเกิดคุณใช้ส่วนประกอบเทคนิค 3 ข้อสำหรับเพื่อการนับคลื่นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นที่ผมเสนอแนะ ผลจากการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงจำนวนมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพและก็นำมาซึ่งการทำให้การนับคลื่น อีเลียต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. ใช่หรือ! Divergenceเป็นคลื่น เอลเลียต คลื่นที่ 5

ส่วนใหญ่แล้วคลื่นที่ 5 มักเกิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แต่ใช่ว่ากำเนิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วจะต้องเป็นคลื่น 5 เสมออย่ารู้ผิดครับผม

 ด้วยเหตุว่ารูปแบบ คลื่นปรับ ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในแบบอย่าง Flat ต่างก็เกิด Divergence ขึ้นร่วมกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น เอลเลียต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณอินดิเคเตอร์เพื่อช่วยในกาพิจารณาสถานะคลื่นเป็นเพียงแค่เคล็ดลับมุมมองที่เอามาปรับใช้สำหรับการนับคลื่นให้ง่าย แล้วก็เร็วทันใจขึ้นแค่นั้น แม้กระนั้นไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอ พวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้กฎรวมทั้งอัตราส่วนตามแนวคิดในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำเป็นที่จะต้องเริ่มนับ 12345

หลายคราวเราเคยชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 อย่างนี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดอาจไม่จำเป็นที่ต้องเริ่มนับอย่างงี้ก็ได้ ถ้าส่วนประกอบของแผนภูมิหุ้นไม่ถูกกฎของ Impulse Wave พวกเราควรต้องแปลงการนับคลื่น เอลเลียต ในลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เปลี่ยนมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. ระดับ ฟีโบ มิได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นเป็นTarget Price

ระดับ Fibonacciต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น เอเลียต เพื่อวิเคราะห์ว่ารูปทรงการพักตัวหรือสัดส่วนแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามแนวความคิดเท่าไหร่ เพื่อจะวิเคราะห์หาทางความน่าจะเป็นของผลที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังทิศทางใดได้บ้าง แม้กระนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อราคามาทดสอบสัมผัส Level ฟีโบต่างๆรวมทั้ง “มั่ว” ว่านั่นเป็นTP

 

  1. อีเลียต นับอย่างไรก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงขอรับ แนวความคิดคลื่น Elliott Wave มีระเบียบอัตราส่วนที่เจาะจงเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกรรมวิธีพินิจพิจารณาที่แจ่มแจ้ง ฉะนั้นการนับคลื่นของแต่ละคนกับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ควรมีคำตอบแบบส่วนประกอบการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แต่ว่าสิ่งที่จะไม่เหมือนกันเป็นมุมมองของข้อสมมติฐานข้อตกลงในกรณีอื่นๆเสริมเติม ที่ต้องวิเคราะห์สมมติฐานการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับทฤษฎีให้หลากหลายต้นแบบมากยิ่งขึ้น จุดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแยกย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเสริมเติมได้มากน้อยแค่ไหน

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะทำความเข้าใจ วิเคราะห์แบบง่ายๆได้ตังค์ ก็พอเพียง!

ถูกนะครับจุดหมายของการเทรดคือ ผลกำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้เงิน ไม่ผิดครับผม แต่ว่าเทรดแล้วทราบเหตุรวมทั้งผลการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า เนื่องจากการเทรดอย่างมีเหตุและก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำซ้ำได้อย่างมีระบบ ซึ่งไม่เหมือนกับการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…ทรัพย์สินเป็นของหายากจะนำมาเดิมพันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆแบบนี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

อีเลียต เป็นแนวความคิดที่ยากไม่มีใครที่ต้องการจะเสียเวลาทำความเข้าใจหรอก แต่ด้วยปัญหาเรื่องการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ ให้เหตุแล้วก็ผลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์จึงเป็นสาเหตุทีทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาเรียนแนวความคิด อีเลีต อย่างจริงจัง

 

ฝากติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้นออนไลน์" href="http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html">สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น เรียนรู้ได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เรียน Elliott Wave

ขอบคุณบทความจาก : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมคำถามของกราฟหุ้นในการวิเคราะห์หุ้น ตอน 2

 

9คำถามโลกแตกของ Elliott Wave ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จบ ตอน 2 )

 

ถ้าต้องการเรียนบทความตอน 1 ติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปทำความเข้าใจกับบทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)หมายถึงความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าพึ่งจะชี้แจงไปว่าจำเป็นต้องให้ความใส่ใจกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่น คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพครับผมลองไตร่ตรองดูดีๆถึงแม้ว่ามี Key Word เริ่มด้วยคำว่า “การนับ” แต่อย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบคุณ บางทีก็อาจจะนับคลื่นไม่เสมือนในแบบของคนอื่นๆก็ได้ เพราะฉะนั้นจะนับคลื่นยังไง ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงสำหรับเพื่อการนับคลื่น เอเลียต ได้แก่ จะนับคลื่น 2 ได้ไหมนั้นเราก็ต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับพฤติกรรมได้เข้าเงื่อนไขตามทฤษฎีแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากIndicatorช่วยนับคลื่น เอเลียต  ดังเช่น จากแนวทางการนับคลื่น อีเลียต ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า และ Hidden Divergence จากIndicatorตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น Elliott Wave เนื่องจากว่าสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Divergence หรือ Hidden Divergence นั้น สามารถเปรียบเทียบหรือวิเคราะห์ผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติข้อจำกัดในการพินิจพิจารณาที่อ้างอิงกับทฤษฎี ได้แก่ สมมุติเรานับสถานะคลื่น เอเลีต ได้ 1 แบบ เราจึงควรวิเคราะห์ให้ได้ว่ากล่าว รูปแบบดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถพินิจพิจารณาแบ่งย่อยเพิ่มได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงทฤษฎีข้อไหน, และก็เพราะเหตุใด และผลที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนไปยังแนวทางไหนได้บ้าง ฯลฯ

 

ถ้าคุณใช้ส่วนประกอบเทคนิค 3 ข้อสำหรับเพื่อการนับคลื่นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วที่ผมเสนอแนะ ผลที่ได้รับจากการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพรวมทั้งทำให้การนับคลื่น เอเลียต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. จริงหรือ! Divergenceเป็นคลื่น เอเลียต คลื่นที่ 5

ส่วนใหญ่แล้วคลื่นที่ 5 มักกำเนิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แม้กระนั้นใช่ว่าเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วจะต้องเป็นคลื่น 5 เสมออย่าเข้าใจผิดครับผม

 เนื่องด้วยแบบ Correction Wave ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในแบบ Flat ต่างก็เกิด Divergence ขึ้นร่วมกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น Elliott Wave คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณอินดิเคเตอร์เพื่อช่วยในกาพิจารณาสถานะคลื่นเป็นเพียงเทคนิคมุมมองที่นำมาปรับใช้สำหรับเพื่อการนับคลื่นให้ง่าย แล้วก็เร็วทันใจขึ้นเพียงแค่นั้น แต่ว่าไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากIndicatorต่างๆจะถูกต้องเสมอไป เราต้องใช้กฎรวมทั้งอัตราส่วนตามแนวคิดสำหรับการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จึงควรเริ่มนับ 12345

หลายคราวเราชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 อย่างนี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดบางทีอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มนับแบบงี้ก็ได้ แม้องค์ประกอบของกราฟหุ้นผิดกฎของ Impulse Wave เราจึงควรเปลี่ยนแปลงการนับคลื่น Elliott Wave ในลักษณะดังที่กล่าวถึงมาแล้ว แปลงมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. ระดับ ฟิโบนันชี ไม่ได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นคือเป้าหมาย

ระดับ ฟิโบนันชีต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น Elliott Wave เพื่อพินิจพิจารณาว่ารูปร่างการพักตัวหรือรูปร่างเป้าหมายที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามแนวความคิดเยอะแค่ไหน เพื่อจะพินิจพิจารณาหาหนทางความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังแนวทางใดได้บ้าง แต่มิได้มีไว้เพื่อราคามาทดลองสัมผัส Level ฟีโบต่างๆแล้วก็ “มั่ว” ว่านั่นคือTP

 

  1. อีเลีต นับยังไงก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงครับผม แนวความคิดคลื่น เอลเลียต มีระเบียบอัตราส่วนที่กำหนดเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบขั้นตอนการพินิจพิจารณาที่แจ่มแจ้ง ด้วยเหตุนี้การนับคลื่นของแต่ละบุคคลกับสินค้าชนิดเดียวกัน ต้องมีคำตอบแบบองค์ประกอบการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งที่จะแตกต่างกันเป็นมุมมองของข้อสมมติฐานข้อจำกัดในกรณีอื่นๆเพิ่มเติมอีก ที่ต้องวิเคราะห์ข้อสมมติการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวความคิดให้มากมายแบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จุดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแยกย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มอีกได้มากน้อยเท่าใด

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะศึกษา เทรดแบบง่ายๆได้กำไร ก็พอเพียง!

ถูกต้องครับวัตถุประสงค์ของการเทรดคือ ผลกำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้เงิน ไม่ผิดนะครับ แต่ว่าเทรดแล้วทราบเหตุและผลของการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า ด้วยเหตุว่าการเทรดอย่างมีเหตุแล้วก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำซ้ำได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…เงินทองเป็นของหายากจะนำมาพนันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆแบบนี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

เอเลียต เป็นแนวความคิดที่ยากไม่มีผู้ใดที่อยากจะเสียเวลาทำความเข้าใจหรอก แต่ว่าด้วยปัญหาด้านการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่อาจจะตอบโจทย์ ให้เหตุและผลที่พอเพียงต่อการวิเคราะห์จึงเป็นสาเหตุคราวทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาศึกษาแนวความคิด Elliott Wave อย่างเอาจริงเอาจัง

 

ฝากติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น ศึกษาได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 



เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมอุปสรรคของTechnical Graphในการพินิจพิจารณาหุ้น ภาค 2

 

เก้าปัญหาโลกแตกของ เอเลีต ที่คนโดยมากเข้าใจผิดมากที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จบ ตอน 2 )

 

ถ้าหากต้องการศึกษาบทความภาค 1 ติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปทำความเข้าใจกับบทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)เป็นความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าเพิ่งจะชี้แจงไปว่าจำเป็นต้องให้ความใส่ใจกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่นหมายถึงข้อมูลเชิงคุณภาพครับลองพิจารณาดูดีๆแม้มี Key Word เริ่มต้นด้วยคำว่า “การนับ” แต่ว่าอย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบคุณ บางครั้งก็อาจจะนับคลื่นไม่เสมือนในแบบของผู้อื่นก็ได้ โดยเหตุนี้จะนับคลื่นอย่างไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงสำหรับเพื่อการนับคลื่น เอเลีต ยกตัวอย่างเช่น จะนับคลื่น 2 ได้ไหมนั้นเราก็ต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับตัวได้เข้าข้อจำกัดตามแนวคิดแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากอินดิเคเตอร์ช่วยนับคลื่น อีเลีต  ดังเช่น จากเทคนิคการนับคลื่น อีเลีต ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า และก็ ฮิดเด้น ไดเวอร์เจนซ์ จากIndicatorตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น เอเลียต เพราะสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น ไดเวอร์เจนซ์ หรือ Divergence แฝง นั้น สามารถเทียบหรือพินิจพิจารณาผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติข้อจำกัดสำหรับการพินิจพิจารณาที่อ้างอิงกับทฤษฎี ได้แก่ สมมติเรานับสถานะคลื่น เอเลีต ได้ 1 Cuase พวกเราควรต้องพินิจพิจารณาให้ได้ว่ากล่าว ต้นแบบดังที่กล่าวมาข้างต้นสามารถวิเคราะห์แบ่งย่อยเพิ่มเติมอีกได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงแนวคิดข้อไหน, แล้วก็เพราะเหตุใด แล้วก็ผลสรุปที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนที่ไปยังแนวทางไหนได้บ้าง ฯลฯ

 

หากคุณใช้องค์ประกอบเคล็ดลับ 3 ข้อในการนับคลื่นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วที่ผมแนะนำ ผลของการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพและทำให้การนับคลื่น อีเลียต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. ใช่หรือ! ไดเวอร์เจนซ์หมายถึงคลื่น อีเลีต คลื่นที่ 5

ส่วนใหญ่แล้วคลื่นที่ 5 มักกำเนิดสัญญาณ Divergence แม้กระนั้นใช่ว่ากำเนิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วควรเป็นคลื่น 5 เสมออย่าเข้าใจผิดนะครับ

 เพราะเหตุว่ารูปแบบ Correction Wave ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในแบบอย่าง Flat ต่างก็เกิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นด้วยกันทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น อีเลียต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณIndicatorเพื่อช่วยในกาวิเคราะห์สถานะคลื่นเป็นเพียงแค่เคล็ดลับมุมมองที่นำมาประยุกต์สำหรับในการนับคลื่นให้ง่าย และรวดเร็วทันใจขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอ พวกเราจำเป็นจะต้องใช้กฎและอัตราส่วนตามแนวคิดสำหรับในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำต้องเริ่มนับ 12345

บ่อยครั้งเราชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 แบบงี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มนับอย่างนี้ก็ได้ แม้ส่วนประกอบของแผนภูมิหุ้นไม่ถูกกฎของ Impulse Wave เราจำเป็นที่จะต้องแปลงการนับคลื่น อีเลีต ในลักษณะดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว เปลี่ยนแปลงมาเป็น คลื่นปรับ แทน    

 

  1. ระดับ Fibonacci มิได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นเป็นจุดหมาย

อัตราส่วน Fibonacciต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น อีเลียต เพื่อวิเคราะห์ว่ารูปทรงการพักตัวหรือรูปทรงแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามทฤษฎีเท่าไร เพื่อจะวิเคราะห์หาทางความน่าจะเป็นของคำตอบที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังแนวทางใดได้บ้าง แต่ว่าไม่ได้มีไว้เพื่อให้ราคามาทดลองสัมผัส Level ฟีโบต่างๆแล้วก็ “มั่ว” ว่านั่นเป็นTarget price

 

  1. เอเลีต นับอย่างไรก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงขอรับ แนวคิดคลื่น เอเลีต มีกฎที่ต้องปฏิบัติอัตราส่วนที่เจาะจงเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกรรมวิธีการวิเคราะห์ที่กระจ่าง โดยเหตุนี้การนับคลื่นของแต่ละบุคคลกับสินค้าชนิดเดียวกัน ควรมีผลลัพธ์ต้นแบบโครงสร้างการนับคลื่นที่คล้ายกัน แต่ว่าสิ่งที่จะต่างกันเป็นมุมมองของข้อสมมติฐานเงื่อนไขในกรณีอื่นๆเสริมเติม ที่ต้องวิเคราะห์ข้อสมมติการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวคิดให้มากมายแบบเพิ่มมากขึ้น จุดนี้ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแยกย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มอีกได้มากน้อยแค่ไหน

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะทำความเข้าใจ เทรดแบบง่ายๆได้เงิน ก็เพียงพอ!

ถูกครับจุดหมายของการเทรดคือ ผลกำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้เงิน ไม่ผิดครับ แต่ว่าเทรดแล้วทราบเหตุและก็ผลการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า ด้วยเหตุว่าการเทรดอย่างมีเหตุและก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำใหม่ได้อย่างมีระบบ ซึ่งไม่เหมือนกับการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…ทรัพย์สินเป็นของหายากจะนำมาพนันด้วยแนวทางคิดแบบง่ายๆแบบงี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

อีเลียต เป็นทฤษฎีที่ยากไม่มีผู้ใดที่ต้องการจะเสียเวลาทำความเข้าใจหรอก แต่ว่าด้วยปัญหาเกี่ยวกับการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่อาจจะตอบปัญหา ให้เหตุรวมทั้งผลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์จึงเป็นต้นเหตุทีทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาเล่าเรียนแนวคิด เอเลีต อย่างเอาจริงเอาจัง

 

ฝากติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้นออนไลน์" href="http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html">สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับวิเคราะห์กราฟหุ้น ศึกษาได้ฟรี ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เรียน Elliott Wave

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมปริศนาของกราฟเทคนิคในการพินิจพิจารณาหุ้น ตอน 2

 

เก้าคำถามโลกแตกของ Elliott Wave ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่สิ้นสุด ภาค 2 )

 

แม้อยากเรียนรู้บทความตอน 1 ติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปทำความเข้าใจกับบทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย) คือ ความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าพึ่งจะชี้แจงไปว่าจะต้องให้ความสำคัญกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่นเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพครับลองพินิจพิเคราะห์ดูดีๆหากแม้มี Key Word เริ่มด้วยคำว่า “การนับ” แต่ว่าอย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบท่าน อาจจะนับคลื่นไม่เหมือนในแบบของคนอื่นก็ได้ โดยเหตุนั้นจะนับคลื่นเช่นไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน คือ

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงสำหรับเพื่อการนับคลื่น อีเลีต เป็นต้นว่า จะนับคลื่น 2 ได้หรือไม่นั้นพวกเราก็จำเป็นต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับนิสัยได้เข้าเงื่อนไขตามแนวคิดแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากIndicatorช่วยนับคลื่น อีเลีต  อาทิเช่น จากวิธีการนับคลื่น อีเลียต ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากIndicatorตัวเคลื่อนที่ช้า แล้วก็ ฮิดเด้น ไดเวอร์เจนซ์ จากIndicatorตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น อีเลียต เพราะว่าสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น ไดเวอร์เจนซ์ หรือ ไดเวอร์เจ้นซ์แฟง นั้น สามารถเทียบหรือพินิจพิจารณาผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติเงื่อนไขสำหรับในการพินิจพิจารณาที่อิงกับทฤษฎี อย่างเช่น สมมุติเรานับสถานะคลื่น เอเลียต ได้ 1 เคส พวกเราควรต้องวิเคราะห์ให้ได้ต่อว่า รูปแบบดังที่กล่าวถึงมาแล้วสามารถวิเคราะห์แยกย่อยเพิ่มเติมได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงทฤษฎีข้อไหน, และก็ทำไม แล้วก็ผลที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถวิ่งขึ้นไปยังทิศทางไหนได้บ้าง ฯลฯ

 

หากคุณใช้องค์ประกอบแนวทาง 3 ข้อสำหรับในการนับคลื่นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วที่ผมแนะนำ ผลของการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงคุณภาพและก็ทำให้การนับคลื่น อีเลียต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. ใช่หรือ! Divergence คือ คลื่น อีเลีต คลื่นที่ 5

ส่วนใหญ่แล้วคลื่นที่ 5 มักเกิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แม้กระนั้นใช่ว่าเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วควรจะเป็นคลื่น 5 เสมออย่าเข้าใจผิดครับ

 ด้วยเหตุว่าต้นแบบ คลื่นปรับ ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในแบบอย่าง Flat ต่างก็เกิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นร่วมกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น Elliott Wave คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณIndicatorเพื่อช่วยในกาพิจารณาสถานะคลื่นเป็นเพียงแค่แนวทางมุมมองที่เอามาประยุกต์ในการนับคลื่นให้ง่าย รวมทั้งเร็วทันใจขึ้นเพียงแค่นั้น แต่ว่าไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกต้องเสมอไป พวกเราจำต้องใช้กฎและอัตราส่วนตามแนวคิดสำหรับในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำต้องเริ่มนับ 12345

บ่อยพวกเราเคยชินที่จะเริ่มนับคลื่น  12345 อย่างนี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดบางทีอาจไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มนับแบบนี้ก็ได้ ถ้าส่วนประกอบของกราฟหุ้นไม่ถูกกฎของ Impulse Wave เราควรต้องเปลี่ยนแปลงการนับคลื่น เอเลียต ในลักษณะดังกล่าวข้างต้น แปลงมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. Level ฟีโบ ไม่ได้มีไว้ให้ราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นเป็นTP

Level Fiboต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น เอลเลียต เพื่อพินิจพิจารณาว่าสัดส่วนการพักตัวหรือรูปร่างเป้าหมายที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามแนวคิดเท่าไร เพื่อจะพินิจพิจารณาหาทางความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังทิศทางใดได้บ้าง แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ราคามาทดลองสัมผัส Level ฟีโบต่างๆแล้วก็ “มั่ว” ว่านั่นคือTarget price

 

  1. เอเลีต นับอย่างไรก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงขอรับ แนวความคิดคลื่น อีเลียต มีกฎข้อบังคับอัตราส่วนที่ระบุเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกระบวนการพินิจพิจารณาที่กระจ่าง เพราะฉะนั้นการนับคลื่นของแต่ละบุคคลกับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ควรจะมีผลลัพธ์ต้นแบบส่วนประกอบการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แม้กระนั้นสิ่งที่จะแตกต่างเป็นมุมมองของข้อสมมติฐานข้อจำกัดในกรณีอื่นๆเสริมเติม ที่จึงควรพินิจพิจารณาสมมติฐานการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวความคิดให้หลากหลายต้นแบบมากเพิ่มขึ้น จุดนี้ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแบ่งย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มอีกได้มากน้อยเพียงใด

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะทำความเข้าใจ เทรดแบบง่ายๆได้ตังค์ ก็พอเพียง!

ถูกต้องครับผมวัตถุประสงค์ของการเทรดเป็น กำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้กำไร ไม่ผิดครับผม แต่เทรดแล้วทราบเหตุและก็ผลการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะว่าการเทรดอย่างมีเหตุแล้วก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำใหม่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…เงินทองเป็นของหายากจะนำมาพนันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆแบบงี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

เอเลียต เป็นแนวคิดที่ยากไม่มีผู้ใดที่อยากจะเสียเวลาศึกษาหรอก แต่ว่าด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ ให้เหตุและก็ผลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์จึงเป็นต้นเหตุคราวทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเข้ามาศึกษาเล่าเรียนทฤษฎี อีเลีต อย่างจริงจัง

 

ฝากติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับวิเคราะห์กราฟหุ้น ทำความเข้าใจได้ฟรี ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เรียน Elliott Wave

เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมปริศนาของTechnical Graphในการพินิจพิจารณาหุ้น ตอน 2

 

9คำถามโลกแตกของ อีเลีต ที่คนส่วนมากเข้าใจผิดมากที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 2 )

 

ถ้าต้องการเรียนรู้บทความภาค 1 ติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปศึกษาเรียนรู้บทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)หมายถึงความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าเพิ่งจะอธิบายไปว่าจำต้องให้ความใส่ใจกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่นหมายถึงข้อมูลเชิงคุณภาพครับลองใคร่ครวญดูดีๆถึงมี Key Word เริ่มต้นด้วยคำว่า “การนับ” แต่อย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบท่าน บางทีอาจจะนับคลื่นไม่เสมือนในแบบของคนอื่นๆก็ได้ ด้วยเหตุนี้จะนับคลื่นอย่างไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางด้านทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงสำหรับการนับคลื่น อีเลีต อาทิเช่น จะนับคลื่น 2 ได้หรือไม่นั้นเราก็จำต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับตัวได้เข้าเงื่อนไขตามแนวความคิดแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากIndicatorช่วยนับคลื่น เอลเลียต  ดังเช่นว่า จากเทคนิคการนับคลื่น อีเลีต ของผมจะใช้สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนที่ช้า รวมทั้ง ฮิดเด้น ไดเวอร์เจนซ์ จากอินดิเคเตอร์ตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น เอเลียต เหตุเพราะสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Divergence หรือ ฮิดเด้น Divregencr นั้น สามารถเทียบหรือวิเคราะห์ผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างสมมติฐานข้อแม้ในการพินิจพิจารณาที่อ้างอิงกับทฤษฎี อาทิเช่น สมมติเรานับสถานะคลื่น เอเลีต ได้ 1 กรณี พวกเราจำเป็นที่จะต้องพินิจพิจารณาให้ได้ต่อว่าต่อขาน ต้นแบบดังที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถพินิจพิจารณาแบ่งย่อยเสริมเติมได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงทฤษฎีข้อไหน, แล้วก็เพราะอะไร รวมทั้งผลที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถเคลื่อนที่ไปยังทิศทางไหนได้บ้าง เป็นต้น

 

ถ้าเกิดคุณใช้ส่วนประกอบเทคนิค 3 ข้อในการนับคลื่นดังกล่าวที่ผมชี้แนะ ผลที่ได้รับจากการวิเคราะห์ที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงจำนวนมากกว่าข้อมูลเชิงประสิทธิภาพแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้การนับคลื่น อีเลียต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. ใช่หรือ! ไดเวอร์เจนซ์เป็นคลื่น เอเลีต คลื่นที่ 5

ส่วนใหญ่แล้วคลื่นที่ 5 มักกำเนิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แต่ว่าใช่ว่าเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วควรเป็นคลื่น 5 เสมออย่าเข้าใจผิดครับผม

 เนื่องจากแบบ Correction Wave ที่ทำ New High อย่างกรุ๊ปของ Strong B ในรูปแบบ Flat ต่างก็กำเนิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นร่วมกันทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น อีเลียต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณอินดิเคเตอร์เพื่อช่วยในกาวิเคราะห์สถานะคลื่นเป็นเพียงแต่แนวทางมุมมองที่นำมาปรับใช้สำหรับในการนับคลื่นให้ง่าย รวมทั้งรวดเร็วทันใจขึ้นแค่นั้น แต่ว่าไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอ พวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้กฎรวมทั้งอัตราส่วนตามแนวความคิดสำหรับการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จำเป็นจะต้องเริ่มนับ 12345

บ่อยครั้งพวกเราชินที่จะเริ่มต้นนับคลื่น  12345 อย่างงี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดบางทีอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มนับแบบนี้ก็ได้ แม้โครงสร้างของกราฟหุ้นผิดกฎของ Impulse Wave พวกเราจำเป็นจะต้องแปลงการนับคลื่น เอเลีต ในลักษณะดังที่กล่าวมาแล้ว เปลี่ยนมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. ระดับ Fibonacci ไม่ได้มีไว้แท่งราคาไปสัมผัสแล้ว “มั่ว” ว่านั่นเป็นจุดหมาย

อัตราส่วน ฟิโบนันชีต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น เอลเลียต เพื่อพินิจพิจารณาว่ารูปทรงการพักตัวหรือสัดส่วนแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามทฤษฎีเท่าใด เพื่อจะพินิจพิจารณาหาวิถีทางความน่าจะเป็นของผลสรุปที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังทิศทางใดได้บ้าง แม้กระนั้นมิได้มีไว้เพื่อให้ราคามาทดสอบสัมผัส Level ฟีโบต่างๆรวมทั้ง “มั่ว” ว่านั่นเป็นTP

 

  1. Elliott Wave นับอย่างไรก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงครับ แนวคิดคลื่น Elliott Wave มีกฎเกณฑ์อัตราส่วนที่เจาะจงเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกรรมวิธีการวิเคราะห์ที่แจ่มแจ้ง ด้วยเหตุดังกล่าวการนับคลื่นของแต่ละคนกับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน ควรจะมีผลสรุปรูปแบบโครงสร้างการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แม้กระนั้นสิ่งที่จะต่างกันคือมุมมองของข้อสมมติฐานข้อจำกัดในกรณีอื่นๆเพิ่มเติมอีก ที่ควรต้องพินิจพิจารณาข้อสมมติการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวคิดให้มากมายแบบมากขึ้น จุดนี้ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้พินิจพิจารณาว่าสามารถแบ่งย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มเติมได้มากน้อยเท่าใด

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะเรียนรู้ วิเคราะห์แบบง่ายๆได้กำไร ก็พอเพียง!

ถูกขอรับจุดหมายของการเทรดเป็น กำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้ตังค์ ไม่ผิดครับผม แต่ว่าเทรดแล้วทราบเหตุและผลของการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะเหตุว่าการเทรดอย่างมีเหตุแล้วก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำอีกครั้งได้อย่างมีระบบ ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบง่ายๆด้วยแนวทางวัดดวง…ทรัพย์สินเป็นของหายากจะเอามาพนันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆแบบงี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

เอเลียต เป็นแนวความคิดที่ยากไม่มีใครที่ต้องการจะเสียเวล่ำเวลาเรียนรู้หรอก แต่ว่าด้วยปัญหาเรื่องการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่อาจจะตอบปัญหา ให้เหตุและผลที่พอเพียงต่อการวิเคราะห์ก็เลยเป็นสาเหตุหนทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาศึกษาเล่าเรียนแนวคิด เอเลียต อย่างจริงจัง

 

ฝากติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้นออนไลน์" href="http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html">สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น เรียนรู้ได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mano-wave.com

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เรียน Elliott Wave

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.mano-wave.com/p/youtube-channel-httpsgoo.html

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รวมข้อสงสัยของกราฟหุ้นในการวิเคราะห์หุ้น ตอน 2

 

เก้าคำถามโลกแตกของ อีเลียต ที่คนส่วนมากเข้าใจผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 2 )

 

ถ้าเกิดอยากเรียนบทความภาค 1 ติดตามเว็บไซต์ สอนเล่นหุ้น เก็งกำไรฟรี ที่ มโน-เวฟ ดอท คอม ไปทำความเข้าใจกับบทความกันต่อเลย . . .

 

 

 

 

 

 

  1. การนับคลื่น(ย่อย)เป็นความ มโน!

อ้าว! 2 ข้อก่อนหน้าพึ่งชี้แจงไปว่าจำต้องให้ความใส่ใจกับคลื่นย่อย…?

การนับคลื่น คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพครับลองพิเคราะห์ดูดีๆแม้ว่ามี Key Word เริ่มด้วยคำว่า “การนับ” แต่ว่าอย่าลืมว่าการนับคลื่นในแบบท่าน บางครั้งก็อาจจะนับคลื่นไม่เสมือนในแบบของท่านอื่นก็ได้ ดังนั้นจะนับคลื่นอย่างไร ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมากที่สุดเพื่อลดความมโน ดังนี้

 

            1.ใช้อัตราส่วนทางทฤษฎีเป็นตัวอ้างอิงในการนับคลื่น เอลเลียต ได้แก่ จะนับคลื่น 2 ได้ไหมนั้นเราก็จำเป็นต้องเช็คกฎ Degree ว่าการปรับพฤติกรรมได้เข้าข้อจำกัดตามแนวคิดแล้วหรือยัง ฯลฯ

 

            2.ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากอินดิเคเตอร์ช่วยนับคลื่น Elliott Wave  ตัวอย่างเช่น จากเทคนิคการนับคลื่น อีเลียต ของผมจะใช้สัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ จากIndicatorตัวเคลื่อนที่ช้า และก็ ฮิดเด้น ไดเวอร์เจนซ์ จากIndicatorตัวเคลื่อนไวสำหรับ ไว้ช่วยนับคลื่น เอลเลียต เนื่องมาจากสัญญาณความขัดแยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Divergence หรือ ไดเวอร์เจ้นซ์แฟง นั้น สามารถเทียบหรือพินิจพิจารณาผลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณได้

 

  1. สร้างข้อสมมติข้อจำกัดสำหรับการพินิจพิจารณาที่อิงกับทฤษฎี เป็นต้นว่า สมมุติเรานับสถานะคลื่น อีเลียต ได้ 1 กรณี เราจำเป็นจะต้องพินิจพิจารณาให้ได้ต่อว่าต่อขาน รูปแบบดังที่กล่าวผ่านมาแล้วสามารถพินิจพิจารณาแบ่งย่อยเพิ่มได้เป็นกรณีไหนบ้าง, จุดไหนคอนเฟริม, อิงแนวความคิดข้อไหน, รวมทั้งเพราะอะไร แล้วก็ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถวิ่งขึ้นไปยังแนวทางไหนได้บ้าง เป็นต้น

 

ถ้าเกิดคุณใช้ส่วนประกอบเคล็ดลับ 3 ข้อสำหรับในการนับคลื่นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นที่ผมชี้แนะ ผลจากการศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ออกมาก็จะอิงข้อมูลเชิงปริมาณมากกว่าข้อมูลเชิงคุณภาพแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้การนับคลื่น อีเลีต ของคุณ ลดความมโน นั่นเอง            

 

  1. จริงหรือ! ไดเวอร์เจนซ์หมายถึงคลื่น เอเลียต คลื่นที่ 5

จำนวนมากแล้วคลื่นที่ 5 มักเกิดสัญญาณ ไดเวอร์เจนซ์ แม้กระนั้นใช่ว่ากำเนิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้วจะต้องเป็นคลื่น 5 เสมออย่าเข้าใจผิดนะครับ

 เนื่องด้วยแบบ Correction Wave ที่ทำ New High อย่างกลุ่มของ Strong B ในแบบ Flat ต่างก็เกิด ไดเวอร์เจนซ์ ขึ้นร่วมกันทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่สถานะคลื่น อีเลีต คลื่นที่ 5

 

การใช้สัญญาณอินดิเคเตอร์เพื่อช่วยในกาพิจารณาสถานะคลื่นเป็นเพียงเทคนิคมุมมองที่เอามาประยุกต์สำหรับในการนับคลื่นให้ง่าย แล้วก็รวดเร็วทันใจขึ้นเท่านั้น แม้กระนั้นไม่ได้การันตีว่าสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่างๆจะถูกเสมอไป เราจึงควรใช้กฎแล้วก็อัตราส่วนตามแนวความคิดสำหรับในการอ้างอิงการวิเคราะห์เป็นหลัก

 

  1. Elliott Wave สอน (ไม่!) จึงควรเริ่มนับ 12345

บ่อยพวกเราเคยชินที่จะเริ่มนับคลื่น  12345 แบบนี้เสมอ หารู้ไม่หุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดอาจไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มนับแบบนี้ก็ได้ ถ้าหากโครงสร้างของกราฟหุ้นไม่ถูกกฎของ Impulse Wave พวกเราจำต้องเปลี่ยนแปลงการนับคลื่น เอเลีต ในลักษณะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เปลี่ยนมาเป็น Correction Wave แทน    

 

  1. ระดับ Fibo มิได้มีไว้ให้ราคาไปสัมผัสแล้ว “มโน” ว่านั่นเป็นTarget Price

Level ฟิโบนันชีต่างๆมีไว้เพื่อแบ่งขอบเขตอัตราส่วนของชุดคลื่น เอเลีต เพื่อวิเคราะห์ว่ารูปร่างการพักตัวหรือรูปร่างแผนการที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในอัตราส่วนตามทฤษฎีเท่าไร เพื่อจะวิเคราะห์หาทางความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ว่าสามารถเกิดขึ้นไปยังทิศทางใดได้บ้าง แต่ว่ามิได้มีไว้เพื่อราคามาทดลองสัมผัส Level ฟีโบต่างๆและก็ “มั่ว” ว่านั่นคือTarget price

 

  1. อีเลีต นับยังไงก็ได้ 10คนนับ ก็ได้ 10 แบบ

ไม่จริงครับผม แนวความคิดคลื่น เอลเลียต มีหลักเกณฑ์อัตราส่วนที่เจาะจงเป็นข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อเป็นกรอบกระบวนการวิเคราะห์ที่แจ่มแจ้ง ฉะนั้นการนับคลื่นของแต่ละบุคคลกับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน จะต้องมีผลแบบอย่างองค์ประกอบการนับคลื่นที่คล้ายคลึงกัน แต่ว่าสิ่งที่จะต่างกันคือมุมมองของข้อสมมติฐานข้อตกลงในกรณีอื่นๆเพิ่มเติม ที่จำเป็นจะต้องพินิจพิจารณาข้อสมมติการเคลื่อนที่ของราคาที่อิงกับแนวคิดให้หลากหลายต้นแบบมากเพิ่มขึ้น จุดนี้ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์ว่าสามารถแบ่งย่อยข้อสมมติฐานอื่นๆเพิ่มได้มากน้อยเพียงใด

 

  1. เรียน Elliott wave ยากที่จะศึกษา เทรดแบบง่ายๆได้ตังค์ ก็เพียงพอ!

ถูกต้องขอรับจุดหมายของการเทรดคือ กำไร เทรดแบบง่ายๆแล้วได้กำไร ไม่ผิดครับ แต่ว่าเทรดแล้วทราบเหตุและผลการได้ตังค์ต่างหากที่สำคัญกว่า เนื่องจากว่าการเทรดอย่างมีเหตุและก็ผลรองรับนั้น มันสามารถปฏิบัติทำใหม่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่เหมือนกับการเทรดแบบง่ายๆด้วยวิธีการวัดดวง…ทรัพย์สินเป็นของหายากจะเอามาเดิมพันด้วยวิธีการคิดแบบง่ายๆอย่างนี้นี้คุ้มแล้วหรือ?

เอลเลียต เป็นแนวความคิดที่ยากไม่มีผู้ใดที่อยากจะเสียเวล่ำเวลาทำความเข้าใจหรอก แม้กระนั้นด้วยปัญหาการเทรดแบบเดิมๆที่ไม่อาจจะตอบโจทย์ ให้เหตุรวมทั้งผลที่พอเพียงต่อการวิเคราะห์จึงเป็นต้นเหตุหนทำให้นักลงทุนบางกรุ๊ปเริ่มเข้ามาศึกษาแนวคิด Elliott Wave อย่างจริงจัง

 

ฝากติดตามเว็บ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ และ สอน Elliott Wave สำหรับพินิจพิจารณากราฟหุ้น เรียนรู้ได้Free ด้วยตัวเองฟรี ที่ "มโน - เวฟ ดอท คอม"

http://www.mamo-wave.com

 

 



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

ปัญหาสำหรับคนวิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี อีเลียตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ Elliott Waveที่คนโดยมากเข้าใจผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ แย้งกันไม่รู้จบ ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม เหลื่อมล้ำ คลื่น 1 ?

ไม่จริงครับ!  คลื่น 4 สามารถ เหลื่อมล้ำ  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกรูปแบบนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายรายละเอียดการเปรียบเทียบเนื้อหาข้อมูลที่ได้รับมาจากหนังสือเรียนแต่ละเล่มนะครับเพราะว่ารายละเอียดบางส่วนยังไม่ตรงกันกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ สมัยเก่า และก็ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกที และก็แนวทางวิธีนำไปปรับใช้จริง)

 

หากจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เข้าใจก็คือ เทรนเวลานี้กำลังอ่อนกำลัง แล้วก็จะมีผลให้เกิดการกลับตัวนั่นเอง

แนวทางการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง” คือ Terminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องจากว่าคลื่น 5เป็นชุดคลื่นสุดท้ายรวมทั้งต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนกำลัง) เพื่อบ่งถึงการเตรียมความพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็น Sub Wave ดังเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เหมือนกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับได้ว่าเป็น Impulse Wave นะครับด้วยเหตุว่าองค์ประกอบภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่ว่าจะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงครับผม! เพราะเหตุว่าสามารถคาดเดาบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นตอนนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องครับ! จำนวนต่างๆของ ฟีโบนันชี มิได้บอกระยะทางนะครับ พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งหวังว่าราคาต้องวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้ เป็นต้นว่า 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% ฯลฯ

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจะต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เช่นเดียวกับ เอลเลียตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเท่าไร ต้องขึ้นกับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นต่อไปได้โอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยเพียงใด

 

แต่ว่าใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไร เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยมิได้พิสูจน์แบบงี้ก็ผิดต้องครับ เราควรต้องเข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานะSub waveด้วย ว่าคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycleในจุดหมายดังที่ทฤษฎีได้เจาะจงไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา จริงหรือ?

แนวทับทับกันของฟีโบนันชี หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะเกิดการกลับเทรน ณ จุดนั้นเสมอ

ปริศนาคือถ้าหากมีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแนวใดเป็นแนวรับ แนวต้านของแท้?

ตอบ สถานะคลื่นภายในต่างหากที่เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับในการพิจารณาว่าการกลับเทรนของราคานั้นควรจะเกิดขึ้นในจุดใดเมื่อคลื่นย่อยวิ่งครบสถานะCycle ดังเช่นว่า แนวทับซ้อนฟีโบ อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะSub Waveที่วิ่งกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยข้างใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของFibo ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถที่จะเป็นแนวResistanceของจริงได้

 

 

คุณสามารถศึกษาบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % บนเว็ปไซต์ “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

ปัญหาสำหรับคนวิเคราะห์กราฟหุ้น โดยใช้ทฤษฎี อีเลียตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลียตเวฟที่คนจำนวนมากเข้าใจผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่สิ้นสุด ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงขอรับ!  คลื่น 4 สามารถ เหลื่อมล้ำ  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกรูปแบบนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขออนุญาตยังไม่อธิบายเนื้อหาการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลจากตำราเรียนแต่ละเล่มนะครับเพราะว่ารายละเอียดบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ Classic และ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเทียบเนื้อหาเชิงลึกกันอีกครั้ง แล้วก็แนวทางวิธีนำไปปรับใช้จริง)

 

หากจะอธิบาย Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เห็นภาพก็คือ เทรนตอนนั้นกำลังอ่อนกำลัง แล้วก็จะส่งผลลัพธ์ให้มีการกลับตัวนั่นเอง

เทคนิคการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องจากว่าคลื่น 5เป็นชุดคลื่นท้ายที่สุดแล้วก็หลังจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งบอกถึงการตระเตรียมที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็น Sub Wave ตัวอย่างเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นเดียวกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับว่าเป็น Impulse Wave ครับผมเนื่องมาจากโครงสร้างข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. เอลเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงนะครับ! เพราะสามารถคาดการณ์บอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นตอนนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมคิดว่ายังไม่ถูกต้องนะครับ! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบ ไม่ได้บอกระยะทางนะครับ พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งหวังว่าราคาจะต้องวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้ อาทิเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น Correction ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเป็นผลลัพธ์ไหนขึ้นนั้นต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นต่อไปจะเกิดขึ้นเยอะแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปได้โอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยเพียงใด

 

แต่ว่าใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกเป้าหมายราคาเท่าใด เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยมิได้พิสูจน์แบบนี้ก็ผิดจำต้องครับผม พวกเราจะต้องเข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานะSub waveด้วย ว่าชุดคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycle ณ จุดหมายตามที่ทฤษฎีได้กำหนดไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนคือเป้าหมายของราคา ใช่หรือ?

แนวทับทับซ้อนกันของฟีโบ หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิเคราะห์ว่าเป็นแนวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ยืนยันว่าราคาจะมีการกลับเทรน ณ จุดนั้นเสมอไป

ปริศนาคือถ้ามีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าแนวใดเป็นแนวรับ แนวต้านของแท้?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในต่างหากที่เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรจะเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะCycle ตัวอย่างเช่น แนวทับซ้อนFibo อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะคลื่นย่อยที่ขึ้นกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนที่ไม่ครบสถานะCycle ย่อยข้างใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบนันชี ที่ 2 บาทก็ไม่อาจจะเป็นแนวต้านของจริงได้

 

 

ท่านสามารถเรียนบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave สำหรับวิเคราะห์กราฟหุ้น  Free 100 % ผ่านWeb Blog “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Elliott wave หนังสือ

เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับคนที่วิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี อีเลีตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลียตเวฟที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่สิ้นสุด ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงขอรับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 สามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกรูปแบบนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายเนื้อหาการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลที่ได้มาจากหนังสือเรียนแต่ละเล่มนะครับเนื่องจากเนื้อหาบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ สมัยเก่า รวมทั้ง ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกครั้ง รวมทั้งแนวทางวิธีนำไปปรับใช้จริง)

 

แม้จะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เห็นภาพก็คือ เทรนตอนนั้นกำลังอ่อนกำลัง รวมทั้งจะส่งผลให้มีการกลับตัวนั่นเอง

เทคนิคการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง” คือ Terminal Impulse Wave บ่อยครั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เพราะว่าคลื่น 5 คือ ชุดคลื่นสุดท้ายและก็จากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งถึงการเตรียมตัวที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวข้างต้นเป็น Sub Wave ดังเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับเทรนเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือว่าเป็น Impulse Wave นะครับเหตุเพราะส่วนประกอบข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่ว่าจะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่อันนี้จริงนะครับ! เพราะสามารถคาดเดาบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นตอนนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมมองว่ายังไม่ถูกต้องนะครับ! จำนวนต่างๆของ Fibonacci มิได้บอกระยะทางนะครับ เราเองต่างหากที่ไปคาดหวังว่าราคาจะต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ ตัวอย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% ฯลฯ

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจึงควรเกิดเหตุก่อนเสมอ เช่นเดียวกับ Elliott Waveความยาวของคลื่นต่อไปจะเกิดขึ้นเท่าใด จำต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปมีโอกาสวิ่งขึ้นไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แต่ว่าใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไร เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์อย่างงี้ก็ผิดจะต้องครับ เราจำเป็นจะต้องเข้าไปพินิจพิจารณาองค์ประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสเคลื่อนครบ Cycle ณ เป้าหมายจากที่ทฤษฎีได้ระบุไว้หรือเปล่า

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา จริงหรือ?

แนวทับซ้อนกันของFibonacci หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงแค่นั้น ไม่ได้ยืนยันว่าราคาจะมีการกลับเทรนในจุดนั้นเสมอ

คำถามคือถ้าหากมีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะทราบได้ยังไงว่าแนวอันไหนเป็นแนวรับ แนวต้านของจริง?

ตอบ สถานะคลื่นข้างในนั่นแหละคือส่วนประกอบหลักในการพิจารณาว่าการกลับตัวของราคานั้นควรเกิดขึ้นในจุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะCycle ได้แก่ แนวทับซ้อนFibonacci อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะSub Waveที่วิ่งขึ้นกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะCycle ย่อยข้างใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบ ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถที่จะเป็นแนวResistanceของจริงได้

 

 

ท่านสามารถเรียนรู้บทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave สำหรับนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % ผ่านWeb Blog “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Elliott wave หนังสือ

เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

ปัญหาสำหรับคนวิเคราะห์ Technical Graph โดยใช้ทฤษฎี อีเลียตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลีตเวฟที่คนส่วนใหญ่หลงผิดมากที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงขอรับ!  คลื่น 4 สามารถ เหลื่อมล้ำ  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกรูปแบบนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่ชี้แจงรายละเอียดการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลจากตำราเรียนแต่ละเล่มครับเพราะว่ารายละเอียดบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ แบบเก่า รวมทั้ง ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบเนื้อหาเชิงลึกกันอีกครั้ง และก็เทคนิควิธีนำไปดัดแปลงจริง)

 

ถ้าหากจะอธิบาย Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เห็นภาพก็คือ เทรนตอนนั้นกำลังอ่อนแรง และจะส่งผลให้เกิดการกลับเทรนนั่นเอง

วิธีการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เหตุเพราะคลื่น 5หมายถึงชุดคลื่นท้ายที่สุดรวมทั้งจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งบอกถึงการเตรียมความพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวเป็น คลื่นย่อย เช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับเทรนเพื่อเป็น Impulse Wave ด้วยเหมือนกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือได้ว่า Impulse Wave ครับด้วยเหตุว่าส่วนประกอบภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. เอลเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง จริงหรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่อันนี้จริงนะครับ! เนื่องจากสามารถทำนายบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นเดี๋ยวนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมมองว่ายังไม่ถูกต้องนะครับ! ตัวเลขต่างๆของ Fibonacci ไม่ได้บอกระยะทางครับผม เราเองต่างหากที่ไปมุ่งมาดว่าราคาจำเป็นต้องวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้ อาทิเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น Correction ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เช่นเดียวกับ Elliott Waveความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเท่าใด จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นต่อไปได้โอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยแค่ไหน

 

แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าใด เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์อย่างนี้ก็ไม่ถูกจำเป็นต้องครับผม เราต้องเข้าไปวิเคราะห์ส่วนประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสเคลื่อนครบ Cycleในเป้าหมายดังที่ทฤษฎีได้ระบุไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนคือTargetของราคา ใช่หรือ?

แนวทับทับกันของFibo หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถวิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะเกิดการกลับตัว ณ จุดนั้นเสมอไป

ปัญหาคือถ้ามีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะทราบได้ยังไงว่าแนวใดเป็นแนวรับ แนวต้านแท้จริง?

ตอบ สถานะคลื่นย่อยนั่นแหละคือองค์ประกอบหลักในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรจะเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อSub Waveวิ่งครบสถานะCycle อาทิเช่น แนวทับซ้อนFibonacci อยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะคลื่นย่อยที่วิ่งกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยข้างใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของฟีโบ ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถที่จะเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

ท่านสามารถเรียนรู้บทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave สำหรับวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % บนWeb Blog “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Elliott wave หนังสือ

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับคนวิเคราะห์กราฟหุ้น โดยใช้ทฤษฎี อีเลีตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ เอลเลียตเวฟที่คนส่วนมากเข้าใจผิดมากที่สุด (มหากาพย์ โต้แย้งกันไม่สิ้นสุด ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงขอรับ!  คลื่น 4 สามารถ เหลื่อมล้ำ  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่ชี้แจงเนื้อหาการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับมาจากตำราแต่ละเล่มครับเพราะเนื้อหาบางส่วนยังไม่ตรงกันกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ แบบเก่า และก็ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกที รวมทั้งแนวทางแนวทางนำไปดัดแปลงจริง)

 

ถ้าหากจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เห็นภาพก็คือ เทรนในขณะนั้นกำลังอ่อนแรง แล้วก็จะส่งผลลัพธ์ให้เกิดการกลับเทรนนั่นเอง

เทคนิคการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องมาจากคลื่น 5เป็นชุดคลื่นสุดท้ายแล้วก็ต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งถึงการตระเตรียมที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวเป็น Sub Wave เป็นต้นว่าปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นเดียวกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือว่าเป็น Impulse Wave นะครับเนื่องมาจากส่วนประกอบข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibo บอกระยะทาง จริงหรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงครับ! เพราะสามารถพยากรณ์บอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นปัจจุบันที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibo บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องนะครับ! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบนันชี มิได้บอกระยะทางนะครับ พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งมาดว่าราคาจำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ ได้แก่ 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเป็นผลลัพธ์ไหนขึ้นนั้นจำต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นต่อไปจะเกิดขึ้นเยอะแค่ไหน ควรต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นต่อไปมีโอกาสเคลื่อนไปได้มากน้อยแค่ไหน

 

แต่ว่าใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกเป้าหมายราคาเยอะแค่ไหน เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยมิได้พิสูจน์อย่างนี้ก็ไม่ถูกจำเป็นต้องนะครับ เราจำเป็นจะต้องเข้าไปพิจารณาส่วนประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสเคลื่อนที่ครบ Cycle ณ จุดหมายจากที่ทฤษฎีได้เจาะจงไว้หรือเปล่า

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา ใช่หรือ?

แนวทับซ้อนกันของฟีโบ หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะมีการกลับเทรน ณ จุดนั้นเสมอไป

คำถามคือถ้าเกิดมีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวไหนเป็นแนวรับ แนวResistanceของจริง?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในต่างหากที่เป็นองค์ประกอบหลักในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรเกิดขึ้นในจุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะCycle อาทิเช่น แนวทับซ้อนฟีโบ อยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะSub Waveที่วิ่งกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังวิ่งไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยภายใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของFibonacci ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถเป็นแนวต้านของจริงได้

 

 

ท่านสามารถเรียนบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % บนเว็ปไซต์ “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Elliott wave หนังสือ

ที่มา : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับคนที่วิเคราะห์ Technical Graph โดยใช้ทฤษฎี อีเลีตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลียตเวฟที่คนโดยมากเข้าใจผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ แย้งกันไม่รู้จักจบสิ้น ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงนะครับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมเรียกว่า คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่นอน เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขออนุญาตยังไม่ชี้แจงเนื้อหาการเปรียบเทียบเนื้อหาข้อมูลที่ได้มาจากตำราเรียนแต่ละเล่มนะครับเนื่องจากรายละเอียดบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ Classic รวมทั้ง ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบเทียบเนื้อหาเชิงลึกกันอีกที และเทคนิคแนวทางนำไปดัดแปลงจริง)

 

หากจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เห็นภาพก็คือ เทรนในเวลานั้นกำลังอ่อนกำลัง และจะมีผลให้มีการกลับเทรนนั่นเอง

แนวทางการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เพราะว่าคลื่น 5เป็นชุดคลื่นท้ายที่สุดและก็ต่อไปก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งถึงการเตรียมพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวเป็น Sub Wave ดังเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นเดียวกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือได้ว่า Impulse Wave นะครับเนื่องจากส่วนประกอบข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่ว่าจะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลีตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบ บอกระยะทาง จริงหรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่อันนี้จริงนะครับ! เพราะว่าสามารถพยากรณ์บอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นปัจจุบันนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมคิดว่ายังไม่ถูกต้องครับผม! ตัวเลขต่างๆของ Fibonacci มิได้บอกระยะทางครับผม พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งมาดว่าราคาต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ อย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจึงควรเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกันกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นมากแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปมีโอกาสเคลื่อนไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แม้กระนั้นใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคามากแค่ไหน พวกเราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์แบบงี้ก็ผิดจำต้องครับ เราจึงควรเข้าไปพิจารณาส่วนประกอบของสถานะSub waveด้วย ว่าคลื่นที่เคลื่อนที่นั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycle ณ เป้าหมายตามที่ทฤษฎีได้เจาะจงไว้หรือเปล่า

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา จริงหรือ?

แนวทับทับกันของFibonacci หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถวิเคราะห์ว่าเป็นแนวที่มีนัยได้ในระดับหนึ่งแค่นั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะเกิดการกลับตัวในจุดนั้นเสมอไป

ปริศนาคือถ้าเกิดมีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวไหนเป็นแนวรับ แนวResistanceแท้จริง?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในต่างหากที่เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรเกิดขึ้นในจุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะCycle ดังเช่นว่า แนวทับซ้อนฟีโบนันชี อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะคลื่นย่อยที่วิ่งขึ้นชนที่ราคา 2 บาทนั้นยังวิ่งไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยด้านใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของFibonacci ที่ 2 บาทก็ไม่อาจจะเป็นแนวResistanceของแท้ได้

 

 

คุณสามารถเรียนบทความเผยแพร่ความรู้ สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อวิเคราะห์กราฟหุ้น  Free 100 % บนWebsite “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



ที่มา : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

ปัญหาสำหรับคนที่วิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี Elliott Wave

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลียตเวฟที่คนส่วนใหญ่รู้ผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม เหลื่อมล้ำ คลื่น 1 ?

ไม่จริงนะครับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมเรียกว่า คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 สามารถเกิดขึ้นได้แน่นอน เรียกรูปแบบนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายรายละเอียดการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับมาจากหนังสือเรียนแต่ละเล่มนะครับเพราะเนื้อหาบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ Classic รวมทั้ง ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบเทียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกครั้ง และวิธีวิธีนำไปปรับใช้จริง)

 

ถ้าเกิดจะอธิบาย Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เห็นภาพก็คือ เทรนในช่วงเวลานั้นกำลังอ่อนกำลัง รวมทั้งจะมีผลให้เกิดการกลับตัวนั่นเอง

วิธีการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง” คือ Terminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องจากว่าคลื่น 5 คือ ชุดคลื่นท้ายที่สุดและก็จากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบอกถึงการเตรียมความพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็น คลื่นย่อย เช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นเดียวกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือได้ว่า Impulse Wave ครับเนื่องจากว่าองค์ประกอบภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงครับผม! ด้วยเหตุว่าสามารถทำนายบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นเดี๋ยวนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องครับ! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบ ไม่ได้บอกระยะทางครับผม พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งมาดว่าราคาต้องวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้ อย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% ฯลฯ

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ไหนขึ้นนั้นจะต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เช่นเดียวกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นต่อไปจะเกิดขึ้นเท่าใด จำเป็นจะต้องขึ้นกับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแอบแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปได้โอกาสวิ่งขึ้นไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไร พวกเราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์อย่างนี้ก็ไม่ถูกจำเป็นต้องครับผม เราจะต้องเข้าไปวิเคราะห์ส่วนประกอบของสถานะSub waveด้วย ว่าชุดคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycleในจุดหมายจากที่ทฤษฎีได้กำหนดไว้หรือไม่

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนคือเป้าหมายของราคา ใช่หรือ?

แนวทับซ้อนกันของฟีโบ หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถวิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้ยืนยันว่าราคาจะมีการกลับตัวในจุดนั้นเสมอ

ปัญหาคือถ้ามีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวไหนเป็นแนวรับ แนวResistanceของแท้?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในต่างหากที่เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรจะเกิดขึ้นในจุดใดเมื่อSub Waveเคลื่อนครบสถานะคลื่น อย่างเช่น แนวทับซ้อนFibonacci อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะSub Waveที่วิ่งขึ้นประทะที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยข้างใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบนันชี ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถที่จะเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

คุณสามารถเรียนบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % ผ่านWebsite “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับผู้วิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี Elliott Wave

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลียตเวฟที่คนส่วนใหญ่หลงผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ โต้แย้งกันไม่สิ้นสุด ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม เหลื่อมล้ำ คลื่น 1 ?

ไม่จริงครับ!  คลื่น 4 สามารถ เหลื่อมล้ำ  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมเรียกว่า คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายเนื้อหาการเปรียบเทียบเนื้อหาข้อมูลที่ได้มาจากแบบเรียนแต่ละเล่มครับเนื่องจากเนื้อหาบางส่วนยังขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ Classic แล้วก็ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบเทียบเนื้อหาเชิงลึกกันอีกรอบ รวมทั้งเทคนิควิธีนำไปปรับใช้จริง)

 

ถ้าจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เห็นภาพก็คือ เทรนเวลานี้กำลังอ่อนแรง และก็จะส่งผลลัพธ์ให้มีการกลับตัวนั่นเอง

เทคนิคการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5ด้วยเหตุว่าคลื่น 5เป็นชุดคลื่นท้ายที่สุดและก็ต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนกำลัง) เพื่อบอกถึงการเตรียมการที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังกล่าวเป็น Sub Wave ดังเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave ด้วยเหมือนกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับว่าเป็น Impulse Wave ครับเนื่องจากองค์ประกอบภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. เอลเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibo บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่อันนี้จริงนะครับ! เนื่องจากว่าสามารถคาดเดาบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นปัจจุบันที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมคิดว่ายังไม่ถูกต้องครับผม! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบนันชี ไม่ได้บอกระยะทางครับ พวกเราเองต่างหากที่ไปคาดหมายว่าราคาต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ ยกตัวอย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเป็นผลลัพธ์ไหนขึ้นนั้นจำเป็นที่จะต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกับ อีเลีตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเท่าไร จะต้องขึ้นอยู่กับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปได้โอกาสเคลื่อนไปได้มากน้อยแค่ไหน

 

แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกเป้าหมายราคาเท่าใด เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์แบบนี้ก็ผิดต้องนะครับ พวกเราจำเป็นจะต้องเข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสเคลื่อนครบ Cycleในเป้าหมายดังที่ทฤษฎีได้กำหนดไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนคือเป้าหมายของราคา ใช่หรือ?

แนวทับซ้อนกันของฟีโบ หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิเคราะห์ว่าเป็นแนวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งแค่นั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะมีการกลับตัว ณ จุดนั้นเสมอ

ปัญหาคือถ้ามีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะทราบได้เช่นไรว่าแนวอันไหนเป็นแนวรับ แนวResistanceแท้จริง?

ตอบ สถานะคลื่นข้างในต่างหากที่เป็นส่วนประกอบหลักในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยวิ่งครบสถานะCycle ยกตัวอย่างเช่น แนวทับซ้อนFibo อยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะคลื่นย่อยที่วิ่งขึ้นกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนที่ไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยด้านใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของฟีโบนันชี ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

ท่านสามารถเรียนรู้บทความเผยแพร่ความรู้ สอนเล่นหุ้น ประยุกต์ใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อวิเคราะห์กราฟหุ้น  Free 100 % ผ่านเว็บบล็อก “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



เครดิต : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

ปัญหาสำหรับคนที่วิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี เอลเลียตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ Elliott Waveที่คนโดยมากหลงผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ แย้งกันไม่รู้จบ ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม เหลื่อมล้ำ คลื่น 1 ?

ไม่จริงครับผม!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายรายละเอียดการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับมาจากตำราเรียนแต่ละเล่มครับเนื่องจากเนื้อหาบางส่วนยังไม่ตรงกันกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ Classic และ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเทียบเนื้อหาเชิงลึกกันอีกที รวมทั้งแนวทางวิธีนำไปประยุกต์ใช้จริง)

 

หากจะอธิบาย Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เข้าใจก็คือ เทรนในขณะนั้นกำลังอ่อนแรง และก็จะมีผลให้เกิดการกลับเทรนนั่นเอง

วิธีการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave บ่อยครั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องจากว่าคลื่น 5 คือ ชุดคลื่นสุดท้ายรวมทั้งต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งบอกถึงการเตรียมตัวที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่กล่าวมาแล้วเป็น Sub Wave ได้แก่ปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวเพื่อเป็น Impulse Wave เหมือนกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่ถือได้ว่า Impulse Wave ครับเนื่องด้วยองค์ประกอบข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลีตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibo บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงครับ! เนื่องจากสามารถทำนายบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นเดี๋ยวนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibo บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมคิดว่ายังไม่ถูกต้องนะครับ! ตัวเลขต่างๆของ Fibo มิได้บอกระยะทางครับผม พวกเราเองต่างหากที่ไปมุ่งหวังว่าราคาจำต้องวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้ เป็นต้นว่า 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% ฯลฯ

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจำเป็นต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นมากแค่ไหน จะต้องขึ้นกับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปได้โอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แม้กระนั้นใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไหร่ พวกเราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์แบบนี้ก็ไม่ถูกจะต้องครับ พวกเราจำต้องเข้าไปพินิจพิจารณาส่วนประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าชุดคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycleในจุดหมายดังที่ทฤษฎีได้ระบุไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา ใช่หรือ?

แนวทับทับซ้อนกันของFibo หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิจารณาว่าเป็นแนวที่มีนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะมีการกลับเทรน ณ จุดนั้นเสมอไป

ปริศนาคือหากมีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแนวอันไหนเป็นแนวรับ แนวต้านของแท้?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในนั่นแหละคือส่วนประกอบหลักสำหรับเพื่อการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะคลื่น ตัวอย่างเช่น แนวทับซ้อนฟีโบ อยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะคลื่นย่อยที่วิ่งประทะที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยข้างใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของฟีโบ ที่ 2 บาทก็ไม่สามารถเป็นแนวResistanceของจริงได้

 

 

คุณสามารถศึกษาบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % ผ่านWebsite “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับผู้วิเคราะห์เทคนิคอลกราฟ โดยใช้ทฤษฎี อีเลีตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ เอลเลียตเวฟที่คนส่วนมากรู้ผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ เถียงกันไม่รู้จักจบสิ้น ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงขอรับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมมักเรียก คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 สามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่ชี้แจงรายละเอียดการเปรียบเทียบเนื้อหาข้อมูลที่ได้มาจากตำราเรียนแต่ละเล่มนะครับเนื่องจากเนื้อหาบางส่วนยังขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ แบบเก่า และ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเทียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกที และก็แนวทางวิธีนำไปประยุกต์ใช้จริง)

 

ถ้าเกิดจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เห็นภาพก็คือ เทรนในขณะนั้นกำลังอ่อนกำลัง และจะมีผลให้มีการกลับเทรนนั่นเอง

วิธีการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave บ่อยครั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องจากคลื่น 5เป็นชุดคลื่นท้ายที่สุดแล้วก็ต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งบอกถึงการเตรียมตัวที่จะย่อลงมาเป็น Correction Wave นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็น Sub Wave เป็นต้นว่าปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับเทรนเพื่อเป็น Impulse Wave ด้วยเหมือนกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับได้ว่าเป็น Impulse Wave ครับเนื่องจากว่าโครงสร้างข้างในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. Elliott Wave บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบ บอกระยะทาง จริงหรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงนะครับ! เนื่องจากว่าสามารถคาดการณ์บอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นตอนนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibo บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องครับผม! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบนันชี ไม่ได้บอกระยะทางครับผม พวกเราเองต่างหากที่ไปคาดหมายว่าราคาต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ อย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น Correction ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเป็นผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกันกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเยอะแค่ไหน จำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นต่อไปมีโอกาสเคลื่อนไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไหร่ เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์อย่างงี้ก็ไม่ถูกจำต้องนะครับ เราจำเป็นต้องเข้าไปพิจารณาองค์ประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าคลื่นที่เคลื่อนที่นั้นมีโอกาสเคลื่อนครบ Cycle ณ จุดหมายดังที่ทฤษฎีได้เจาะจงไว้หรือไม่

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนคือเป้าหมายของราคา จริงหรือไม่?

แนวทับทับกันของฟีโบนันชี หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถวิเคราะห์ว่าเป็นแนวที่มีนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้ยืนยันว่าราคาจะเกิดการกลับตัว ณ จุดนั้นเสมอไป

คำถามคือถ้ามีแนวทับซ้อนกันหลายแนว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวอันไหนเป็นแนวรับ แนวต้านของแท้?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในต่างหากที่เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับในการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยเคลื่อนครบสถานะCycle อาทิเช่น แนวทับซ้อนFibonacci อยู่ที่ 2 บาท แต่สถานะคลื่นย่อยที่วิ่งขึ้นประทะที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยข้างใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบ ที่ 2 บาทก็ไม่อาจจะเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

ท่านสามารถศึกษาบทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % บนWeb Blog “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



ที่มา : http://www.mano-wave.com/p/vdo-elliott-wave-elliott-wave.html

ปัญหาสำหรับคนวิเคราะห์กราฟเทคนิคหุ้น โดยใช้ทฤษฎี อีเลียตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ Elliott Waveที่คนจำนวนมากรู้ผิดสูงที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่รู้จักจบสิ้น ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม เหลื่อมล้ำ คลื่น 1 ?

ไม่จริงนะครับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมเรียกว่า คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายรายละเอียดการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับมาจากตำราแต่ละเล่มนะครับเพราะรายละเอียดบางส่วนยังขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ สมัยเก่า และ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกครั้ง รวมทั้งเทคนิคแนวทางนำไปประยุกต์ใช้จริง)

 

หากจะชี้แจง Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก Dow Theoryให้เห็นภาพก็คือ เทรนเวลานี้กำลังอ่อนแรง แล้วก็จะส่งผลให้มีการกลับตัวนั่นเอง

แนวทางการนำมาใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave บ่อยครั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เพราะคลื่น 5เป็นชุดคลื่นสุดท้ายแล้วก็ต่อไปก็จะส่งสัญญาณการ Overlap (สัญญาณอ่อนแรง) เพื่อบ่งถึงการเตรียมความพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็น คลื่นย่อย อย่างเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับเทรนเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับได้ว่าเป็น Impulse Wave ครับผมเนื่องจากโครงสร้างภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่จะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. เอลเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง จริงหรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่ในส่วนนี้จริงครับ! เพราะเหตุว่าสามารถคาดเดาบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นปัจจุบันนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน ฟีโบ บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องครับ! ตัวเลขต่างๆของ ฟีโบนันชี มิได้บอกระยะทางครับผม เราเองต่างหากที่ไปมุ่งหวังว่าราคาจำต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ ยกตัวอย่างเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% ฯลฯ

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเป็นผลลัพธ์ไหนขึ้นนั้นจึงควรเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นถัดไปจะเกิดขึ้นเท่าไร จะต้องขึ้นอยู่กับบริบทการฟอร์มตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นถัดไปได้โอกาสเคลื่อนที่ไปได้มากน้อยแค่ไหน

 

แต่ว่าใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกเป้าหมายราคามากแค่ไหน เราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยมิได้พิสูจน์อย่างนี้ก็ผิดจำต้องครับ เราจึงควรเข้าไปพินิจพิจารณาองค์ประกอบของสถานะSub waveด้วย ว่าชุดคลื่นที่วิ่งขึ้นนั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycleในจุดหมายจากที่ทฤษฎีได้ระบุไว้ไหม

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นTargetของราคา จริงหรือ?

แนวทับทับกันของFibo หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถพิจารณาว่าเป็นแถวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะเกิดการกลับเทรนในจุดนั้นเสมอ

ปริศนาคือถ้าเกิดมีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะทราบได้ยังไงว่าแนวอันไหนเป็นแนวรับ แนวResistanceของจริง?

ตอบ สถานะคลื่นSub waveต่างหากที่เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับเพื่อการพิจารณาว่าการ Reversalของราคานั้นควรจะเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อคลื่นย่อยวิ่งครบสถานะคลื่น อย่างเช่น แนวทับซ้อนFibo อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะคลื่นย่อยที่ขึ้นกระทยบที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนไม่ครบสถานะคลื่น ย่อยภายใน ลักษณะแบบนี้แนวทับซ้อนของฟีโบนันชี ที่ 2 บาทก็ไม่อาจจะเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

คุณสามารถเรียนรู้บทความเผยแพร่เทคนิค สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave สำหรับนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  Free 100 % บนเว็ปไซต์ “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาสำหรับคนที่วิเคราะห์กราฟเทคนิคหุ้น โดยใช้ทฤษฎี อีเลีตเวฟ

 

3 ปัญหาโลกแตกของ อีเลีตเวฟที่คนจำนวนมากหลงผิดเยอะที่สุด (มหากาพย์ โต้เถียงกันไม่รู้จบ ภาค 1)

 

 

 

 

  1.  คลื่น 4 ห้าม Overlap คลื่น 1 ?

ไม่จริงครับ!  คลื่น 4 สามารถ Overlap  คลื่นที่ 1 ได้ หรือที่ผมเรียกว่า คลื่น 4 กินหัว คลื่น 1 ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แน่ๆ เรียกลักษณะนี้ว่า Terminal Impulse Wave หรือ Elliott Wave หนังสือ บางเล่ม เรียกว่า Diagonal Triangle (Ending Diagonal & Leading Diagonal) ขอยังไม่อธิบายรายละเอียดการเปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลจากตำราเรียนแต่ละเล่มนะครับเนื่องจากเนื้อหาบางส่วนยังมีความขัดแย้งกันระหว่าง หนังสือ Elliott Wave แบบ แบบเก่า แล้วก็ ตำรา Elliott Wave แนวประยุกต์ (บทเรียนถัดๆไปผมจะมาเปรียบข้อมูลเชิงลึกกันอีกรอบ รวมทั้งเคล็ดวิธีแนวทางนำไปปรับใช้จริง)

 

หากจะอธิบาย Concept ของคลื่น 4 Overlap คลื่น 1 แบบง่ายๆตามหลัก ทฤษฎีดาวน์ให้เห็นภาพก็คือ เทรนเวลานี้กำลังอ่อนแรง รวมทั้งจะส่งผลลัพธ์ให้เกิดการกลับเทรนนั่นเอง

เทคนิคการประยุกต์ใช้จริง สไตล์ “โต่ง-เต่ง”นั่นคือTerminal Impulse Wave มักเกิดขึ้นในช่วงปลายเทรนของคลื่นที่ 5เนื่องด้วยคลื่น 5เป็นชุดคลื่นสุดท้ายและก็ต่อจากนั้นก็จะส่งสัญญาณการ เหลื่อมล้ำ (สัญญาณอ่อนกำลัง) เพื่อบ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะย่อลงมาเป็น คลื่นปรับ นั่นเอง หรือคลื่น 5 ดังที่กล่าวถึงแล้วเป็น คลื่นย่อย ยกตัวอย่างเช่นปลายคลื่น C ของ Correction Wave ก็จะเป็นสัญญาณเตือนการกลับเทรนเพื่อเป็น Impulse Wave เช่นเดียวกัน

Terminal Impulse wave หรือ Diagonal Triangle จะไม่นับว่าเป็น Impulse Wave ครับผมด้วยเหตุว่าองค์ประกอบภายในไม่ใช่ Impulse Wave แต่ว่าจะจัดเป็น Motive Wave

 

 

 

 

 

 

  1. อีเลียตเวฟ บอกแผนที่ ส่วน ฟีโบนันชี บอกระยะทาง ใช่หรือ?

Elliott Wave บอกแผนที่อันนี้จริงครับผม! เพราะเหตุว่าสามารถทำนายบอกตำแหน่ง วัฏจักร (Cycle) ของสถานะคลื่นเดี๋ยวนี้ที่เราอยู่ได้ ส่วน Fibonacci บอกระยะทาง ประโยคนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถูกต้องครับผม! จำนวนต่างๆของ Fibonacci มิได้บอกระยะทางครับ เราเองต่างหากที่ไปมุ่งมาดว่าราคาจำต้องเคลื่อนที่ไปเท่านั้นเท่านี้ อาทิเช่น 161.8% หรือไม่ก็ 261.8% เป็นต้น

อ้าว! แล้วสิ่งใดกันบอกระยะทาง? ตอบ บริบทของสถานะคลื่น ปรับ ก่อนหน้าต่างหากที่บอกระยะทาง จะเกิดผลลัพธ์ใดขึ้นนั้นจะต้องเกิดเหตุก่อนเสมอ เหมือนกันกับ อีเลียตเวฟความยาวของคลื่นต่อไปจะเกิดขึ้นเท่าไร จำต้องขึ้นกับบริบทการปรับตัวของ Correction คลื่นก่อนหน้าเสมอ ที่บอกนัยยะแอบแฝงของตลาดว่า Impulse Wave ชุดคลื่นต่อไปได้โอกาสวิ่งขึ้นไปได้มากน้อยเท่าใด

 

แต่ใช่ว่าทฤษฎีบอกบอกจุดหมายราคาเท่าไหร่ พวกเราก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาโดยไม่ได้พิสูจน์แบบนี้ก็ไม่ถูกจะต้องครับผม พวกเราจำต้องเข้าไปวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานะคลื่นย่อยด้วย ว่าชุดคลื่นที่เคลื่อนที่นั้นมีโอกาสวิ่งครบ Cycle ณ จุดหมายจากที่ทฤษฎีได้เจาะจงไว้หรือไม่

 

 

 

 

  1. แนวทับซ้อนเป็นเป้าหมายของราคา จริงหรือไม่?

แนวทับซ้อนกันของFibonacci หรือที่เรียกว่า Cluster, Confluence , หรือ Price Reversal Zone นั้นสามารถวิเคราะห์ว่าเป็นแถวที่มีความนัยได้ในระดับหนึ่งเพียงแค่นั้น ไม่ได้การันตีว่าราคาจะมีการกลับเทรนในจุดนั้นเสมอ

ปริศนาคือหากมีแนวทับทับกันหลายแนว แล้วจะทราบได้เช่นไรว่าแนวใดเป็นแนวรับ แนวResistanceของจริง?

ตอบ สถานะคลื่นด้านในนั่นแหละคือองค์ประกอบหลักสำหรับเพื่อการพิจารณาว่าการกลับตัวของราคานั้นควรเกิดขึ้น ณ จุดใดเมื่อSub Waveวิ่งครบสถานะคลื่น เป็นต้นว่า แนวทับซ้อนFibo อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าสถานะSub Waveที่วิ่งชนที่ราคา 2 บาทนั้นยังเคลื่อนที่ไม่ครบสถานะCycle ย่อยภายใน ลักษณะเช่นนี้แนวทับซ้อนของฟีโบ ที่ 2 บาทก็ไม่อาจจะเป็นแนวต้านของแท้ได้

 

 

ท่านสามารถเรียนรู้บทความเผยแพร่ความรู้ สอนเล่นหุ้น โดยใช้ ทฤษฎี Elliott Wave เพื่อนำมาวิเคราะห์กราฟหุ้น  ฟรี 100 % ผ่านเว็บบล็อก “มโน-เวฟ ดอท คอม” www.mano-wave.com

 

 

 



ที่มา : http://www.mano-wave.com/p/elliott-wave-book.html